วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

กูรูแนะทยอยเก็บหุ้นตลาดเกิดใหม่ หลังศก.ยุโรป-สหรัฐฯยังน่าเป็นห่วง

กูรูแนะทยอยเก็บหุ้นตลาดเกิดใหม่ หลังศก.ยุโรป-สหรัฐฯยังน่าเป็นห่วง

นักวิเคราะห์กองทุนรวม แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังวิกฤติหนี้ยุโรป และปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่มีท่าที่จะคลี่คลายลง พร้อมแนะนักลงทุนหาจังหวะทยอยสะสมกองทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรายังคงมองเห็นโอกาสที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะผันผวนต่อจากสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนต่อการแก้ปัญหาในสหรัฐ/ยุโรป ซึ่งไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยตลาดยังคงหวังมาตรการช่วยเหลือในระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาหนี้ยุโรปและการว่างงานในสหรัฐต่อไป ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงระยะสั้นนี้ทำได้ยาก เราจึงแนะนำเพียง Wait and See ชะลอการลงทุนระยะสั้น และจับตาความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิดต่อไป เช่นเดียวกับการลงทุนกองทุนทองคำ ที่เราคงคำแนะนำให้ชะลอการลงทุน และรอสะสมที่แนวรับสำคัญของราคาทองคำ

โดยมีแนวรับที่ 1,800 US$/oz. และ 1,700 US$/oz. กองทุนแนะนำยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง TGoldBullion-Hedge จุดเด่นที่ทำให้เราแนะนำกองทุนทองคำของบลจ.ธนชาต คือ มีค่าใช้จ่ายกองทุนที่ไม่แพงและมีระยะเวลาการรับเงินจากการขายกองทุนที่รวดเร็ว (ระยะเวลาที่จะได้เงินคืนคือ T+1) นอกจากนั้นเรายังคงแนะนำ K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) เป็นทางเลือกในการลงทุนกองทุนทองคำต่อไป สำหรับกองทุนน้ำมันเราแนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วน ราคาน้ำมันยังคงติดอยู่ที่แนวต้านระดับ 90 US$/bbl. แนวโน้มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันยังคงอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มีโอกาสปรับตัวลงได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่ แต่ระยะกลาง - ยาวมองเป็นโอกาสสะสมสินทรัพย์เสี่ยงที่ราคาปรับตัวลงมามาก เราจึงยังคงแนะนำทยอยสะสมหากเห็นดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง โดยเน้นไปยังกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า ขณะที่ภาระปัญหามีน้อยกว่าฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว และการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นอีกรอบมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า สำหรับกองทุนที่แนะนำให้ทยอยสะสมเมื่อราคาปรับตัวลดลงได้แก่ ABGEM และ ABAPAC สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG คาดการณ์เงินเฟ้อจีนชะลอตัวในระยะถัดไป เป็นข่าวดีสำหรับการลงทุนในจีน

นอกจากนี้ เราคงคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกองทุนหุ้นกลุ่มอุตสหกรรมการเงิน (Financial Sector) ที่อาจได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังคงชอบกองทุน Global Bond Fund ของ บลจ.ธนชาต, บลจ.ทหารไทย และบลจ.ซีไอเอ็มบี ซึ่งทั้งหมดใช้บริการกองทุนหลัก (Master Fund) เหมือนกัน อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าขึ้น แต่ระยะยาวเรายังเชื่อว่าการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศที่ไม่มีปัญหาหนี้ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

สำหรับตลาดหุ้นไทย แนวโน้ม SET ยังแกว่งตัว Sideway ทิศทางไม่ชัดเจน เราคงคำแนะนำเดิมสำหรับนักลงทุน LTF ที่ต้องการลงทุนในปีนี้ ให้รอดูสถานการณ์ และเข้าทยอยสะสมเพิ่มหาก SET ปรับลดลงมาใกล้แนวรับ 1,030 และ 1,010 จุด โดยแนะนำกองทุนของบลจ.กรุงศรี กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ตามเดิม สำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยนกลับเข้าสู่กองทุน LTF ความผันผวนต่ำ (Defensive LTF) แล้วแนะนำ Wait and See ต่อไป






ที่มา
http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9540000119949