วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

“จรัมพร” แจงต้นเหตุตลาดหุ้นป่วน สภาฯ “ตลาดทุน” ชงแผนรับมือวิกฤตรอบใหม่

“จรัมพร” แจงต้นเหตุตลาดหุ้นป่วน สภาฯ “ตลาดทุน” ชงแผนรับมือวิกฤตรอบใหม่

“จรัมพร” แจงหุ้นไทยร่วงหนัก เกิดจากแรงขายหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป ยันพื้นฐาน บจ.ยังแข็งแกร่ง และไม่มีปัญหาฟอร์ซเซลล์ สภาธุรกิจตลาดทุนฯ ชี้ ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังเผชิญวิกฤตในรอบใหม่ ชงตั้งกองทุนพยุงหุ้น เลียนแบบ “วายุภักษ์” เชื่อความแข็งแกร่งหุ้นไทยรอบนี้ ดีกว่าช่วงซับไพรม์ พร้อมเสนอ 7 แนวทางให้ “รบ.ปู” กู้วิกฤต จี้ปรับนโยบายเชิงรุก-ตั้งรับ เชื่อหุ้นไทยร่วงหนักวันนี้ เกิดจากความตื่นตระหนก ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยืนยันว่า การที่ตลาดหุ้นที่ไทยปรับตัวลงไปกว่า 8-9% ในชั่วโมงการซื้อขาย เกิดจากแรงขายหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป ทั้งพลังงานและน้ำมัน ที่มีมาร์เก็ตแคปรวมกันอยู่ที่ 27% ปรับตัวลงไป 9% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 18% ปรับลงไป 7% กลุ่มก่อสร้างปรับลงไป 7% และกลุ่มสื่อสารปรับตัวลงไป 6%

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) แล้ว พบว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และยังไม่มีปัญหาในเรื่องของการบังคับขายหุ้น (forced sell) เพราะถ้าดูจากมาร์จิ้นโลนทั้งระบบในปัจจุบันอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งทางตลท.ก็คุมเข็มในเรื่องมาร์จิ้นโลนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ขณะนี้การบังคับขายหุ้น (forced sell) เฉลี่ยอยู่ที่ 0.5-1.0% เท่านั้น ซึ่งมองว่ายังไม่มีนัยสำคัญ โดยหุ้นที่ปรับตัวลงแรงเกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ตื่นตระหนกมากกว่า

“หุ้น 4 กลุ่มหลักปรับตัวลง ทำให้ตลาดโดยรวมปรับลงแรงผิดปกติ แต่ถ้ามองพื้นฐานบจ.ยังไม่เปลี่ยน ยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในหุ้นไทยอยู่ ว่าได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ที่ดี สำหรับข้อเสนอในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ ถือว่าเป็นมาตรการในระยะกลาง ซึ่งอยู่ในพื้นฐานของสภาตลาดทุนไทยอยู่แล้ว”

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เผชิญกับความเสี่ยงขาลงครั้งใหญ่ และภาวะตลาดทุนโลกที่เผันผวนและแรงเทขาย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย จึงเสนอนโยบาย 7 ข้อ ต่อรัฐบาลไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยและตลาดทุนไทย สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหา ส่วนข้อเสนอมีดังนี้

1.เสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายต่างๆ ที่ได้ประกาศไปช่วงก่อนการเลือกตั้งและให้มีการปรับปรุงและเรียงลำดับความสำคัญใหม่ เพื่อให้รองรับการผลกระทบจากการชะลอของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบมาถึงประเทศไทย โดยรัฐบาลอาจจำเป็นต้องเก็บงบประมาณบางส่วน เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเกิดวิกฤตรอบ 2

2.รัฐบาลอาจต้องทบทวนนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เพราะการขึ้นค่าแรงในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวอาจทำให้ผู้ประกอบการเลือกลดต้นทุนการผลิตด้วยการปลดคนงาน จึงเสนอให้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป

3.เสนอให้รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากเอกชนด้วย

4.สภาฯ สนับสนุนนโยบายลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เป็น 20% จึงขอเสนอให้รัฐบาลประกาศยืนยันนโยบายนี้อีกครั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจ

5.เนื่องจากมีแรงเทขายในตลาดหุ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก จึงเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนในลักษณะเดียวกันกับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดี

6.ขอเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนนโยบายการเงิน และหากสามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน ก็จะช่วยลดความผันผวนในตลาดทุนได้

7.เสนอให้รัฐบาลรักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้การขาดดุลทางการคลัง และหนี้สาธารณะเพิ่มมากหรือเร็วจนเกินไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบ


ที่มา
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9540000122416