กบข.แย็บขอแก้เกณฑ์ลงทุนปรับแผนใหม่หวังยิลด์ 5.1% ต่อปี
กบข.ลุยปรับโครงสร้างลงทุนรับแผนใหม่ ลดน้ำหนักตราสารหนี้
ลุยหุ้น-อสังหาฯ-โครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม ตั้งเป้าผลตอบแทนเฉลี่ย 5.1% ต่อปี
“โสภาวดี” รับอาจต้องแก้กฎกระทรวงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนมากขึ้น
พร้อมแนะจับตาปัญหายุโรป-สหรัฐฯ แต่เชื่อเศรษฐกิจไทย-เอเชียโตต่อเนื่อง
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย
เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)เปิดเผยว่า นโยบายการลงทุนของ
กบข.ในปีหน้า (2556)
จะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนระยะยาว (SAA)
ใหม่ที่ได้จัดทำขึ้น โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความเพียงพอของเงินออมให้แก่สมาชิก
ซึ่งจะมีผลตอบแทนที่สามารถชนะเงินเฟ้อ
และเพียงพอไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณ
ทั้งนื้
การปรับสัดส่วนดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะสามารถทำได้แล้วเสร็จในปีหน้า
ซึ่งเบื้องต้นจะลดการลงทุนในตราสารหนี้ และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น
และการลงทุนทางเลือกมากขึ้น เช่นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
โดยในปีที่ผ่านมา
กบข.ได้ทยอยลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 2 ประเภทไปแล้วในต่างประเทศ
แบ่งเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2,200 ล้านบาท
จากวงเงินที่สามารถลงทุนได้ทั้งหมด 4,700 ล้านบาท และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
1,100 ล้านบาท จากวงเงิน 8,000 ล้านบาท
ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทยอยลงทุนได้ครบตามวงเงินที่ตั้งไว้
โดยเฉพาะในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะครบตามวงเงิน 8,000 ล้านบาทใน 3
ปีต่อจากนี้
ส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย ทาง
กบข.มีความสนใจเช่นกัน เนื่องจากรัฐบาลยังมีงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถึง
2 ล้านล้านบาท
ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในอนาคต
“เราต้องการกระจายการลงทุนและบริหารผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อ
แต่เราไม่มีเป้าว่าจะต้องได้ผลตอบแทน 9% ซึ่งแผนการลงทุนใหม่จะทำให้การลงทุนของ
กบข.ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับวงจรเศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยคาดว่ามีความเป็นไปได้ถึง 69%
ที่ผลตอบแทนจะชนะเงินเฟ้อและอยู่ในระดับ
5.1%ต่อปี”
นางสาวโสภาวดี
กล่าวอีกว่า
การปรับสัดส่วนการลงทุนในครั้งนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าโครงสร้างการลงทุนจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร
โดยปัจจุบันโครงสร้างการลงทุนตามกฎหมายของ กบข.จะต้องลงทุนในตราสารหนี้ไม่ต่ำกว่า
60% หุ้นไม่เกิน 35% การลงทุนในต่างประเทศ 25% และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีก
8%
ทั้งนี้ สัดส่วนดังกล่าวจะไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะสั้น
เนื่องจากเป็นการแก้กฎหมาย
แต่ในเบื้องต้นเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนใหม่ที่จัดทำขึ้น
กบข.มีความพยายามที่จะปรับแก้ในส่วนของกฎกระทรวงที่มีความยุ่งยากน้อยกว่าก่อน
“กรอบการลงทุนของ
กบข.ค่อนข้างถูกจำกัดและหากปล่อยไว้เช่นนี้ในอนาคต 2-3
ปีข้างหน้าโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของ กบข.ก็จะถูกจำกัดไปด้วย
มันอาจจะต้องมีปรับแต่ในเรื่องของกฎหมายคงจะใช้เวลานานมาก
ที่น่าจะทำได้ก่อนคงเป็นในส่วนของกระทรวงที่สามารถผ่านขั้นตอนการประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็วกว่า
และถ้าเป็นไปได้อยากแก้ให้ทันภายในปีหน้า”
นางสาวโสภาวดี
กล่าวอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกต่อจากนี้จะต้องจับตาเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา
และยุโรปว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องของหนี้สาธารณะในประเทศกลุ่มยูโรโซน
และการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ
ว่าจะออกมาในลักษณะใด
ส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียน่าจะยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
โดยเศรษฐกิจของประเทศจีนกับไทยน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมา
ท่ามกลางอัตรดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะปรับลดลงอีกประมาณ 0.25% จากเดิมอยู่ที่
2.75% ในการประชุมครั้งถัดไป
“หน้าผาการคลังสหรัฐฯ
เองก็น่าจะจบแบบมีการประนีประนอมของทั้ง 2 พรรค
ส่วนจีนเองเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเศรษฐกิจของเขาไม่ใช่ฮาร์ดแลนดิ้ง
ซึ่งภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยน่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนของ
กบข.ที่ผ่านมาได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นอีกด้วย”
ที่มา
http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000141293