วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เทคนิคออมเงินง่ายๆ สไตล์ ติ๊ก ชีโร่

แบ่งรายได้ เล่นแชร์กับตัวเอง เทคนิคออมเงินง่ายๆ สไตล์ ติ๊ก ชีโร่

เมื่อมีรายได้เข้ามา 10 บาท เราควรแบ่งเก็บไว้ 2 บาท หรืออาจจะมี 10 บาท อาจจะเก็บไว้ 1 บาท ก็ได้ เพราะแต่ละคนรายได้ที่เข้ามาและรายจ่ายไม่เท่ากัน แต่อยากให้จำไว้เสมอว่าเมื่อมีรายได้เข้ามาให้แบ่งเก็บทันที เหมือนเราเป็นการเล่นแชร์กับตัวเอง พอวันหนึ่งเรากลับมาดูเงินในบัญชี ก็จะเห็นว่าเรามีเงินที่เก็บไว้มากแค่ไหน และเงินตรงนี้ก็ยังสามารถทำให้เราทำสิ่งที่เราอยากทำได้ด้วย"

ถ้าเอ๋ยชื่อ “โต้ชีริก ติ๊กชีโร่” เราจะนึกถึงหนุ่มอารมณ์ดีที่ชอบทำอะไรแหวกแนวไม่เหมือนใคร ทั้งการพูดจาออกสื่อและการแต่งตัวที่แร๊งมาก ๆ แต่ในวันนี้หนุ่มติ๊กชีโร่ดูจะแตกต่างไปจากที่เคยเห็นเหมือนคนละคนไปเลย เมื่อเราถามถึงเรื่องปัญหาด้านเศรษฐกิจและการออมเงิน ซึ่งจะดูสุขุม จริงจังและน้ำเสียงราบเรียบดูราวกับไม่ใช่ "ติ๊กชีโร่" ที่เราเคยเห็นบนเวที ทำให้เราเห็นว่าหนุ่มคนนี้นอกจากจะมีดีในด้านของดนตรีแล้ว เขายังมีอะไรที่เราน่าค้นหาอีกเยอะมาก ๆ และเราลองมาดูสิว่าหนุ่มคนนี้เขามีแง่คิดอย่างไรกันบ้างกับการออมเงิน...

“ติ๊ก ชีโร่” เริ่มบอกว่า ตอนนี้สภาพเศรษฐกิจในแถบเอเชียมีการแข่งขันกันอย่างมาก ถ้าจะมองไปถึงอนาคตแล้วศักยภาพในแถบเอเชียถือว่าดีกว่าแถบยุโรป หรืออเมริกาเสียอีก เพราะจะเห็นได้ว่าการผลิตรถยนต์ของประเทศจีนมีการขยายการผลิตมากที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต ส่วนในบ้านเราภาพรวมของเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดีขึ้นหรือดีขึ้นมาก เพราะเราได้ผ่านจุดต่ำสุดมากแล้ว และนักลงทุนก็เริ่มเชื่อมั่นกับประเทศไทยมากขึ้นด้วย

สำหรับธุรกิจ โดนัท “โด ดี โด” ในช่วงมีเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าธุรกิจของผมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่พอรัฐบาลเข้ามาช่วยเราก็ดีใจ แต่ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปขอให้รัฐบาลช่วยเหลือแต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้ผลกระทบโดยตรงเหมือนกับแม่ค้าหรือพ่อค้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุโดยตรง สำหรับธุรกิจดังกล่าวขณะนี้ถือว่าไปได้สวย โดยปัจจุบันเรามีอยู่ทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ แฟชั่นไอส์แลนด์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาลัยเอสแบค ตลาดยิ่งเจริญ มหาวิทยาลัยรังสิต เดอะมอลโคราช และคลังพล่าซ่าโคราช

ส่วนงานในวงการบันเทิงขณะนี้ “ติ๊ก” กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 10 ปี โดยใช้ชื่อว่า “ติ๊ก ชีโร่ ชัดเจน ไลฟ์ อิน คอนเสิร์ต” ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีงานศิลปะ music in art exhibition 4th by TIK SHIRO ซึ่งเป็นงานศิลปะครั้งแรกของโลกที่จะทำให้ภาพมีเสียง ด้วยระบบกลไกเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิดmusic in art ซึ่งเราจะไปวาดกันที่ประเทศยุโรป รวมถึงเร็ว ๆ นี้จะมีภาพยนตร์เรื่อง “อีเห็ดสด” ด้วย

และจากรายได้ที่เข้ามาทั้งธุรกิจส่วนตัว หรืองานในวงการบันเทิง “ติ๊ก” บอกว่า “ผมไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเรื่องเงินมากสักเท่าไหร่ เงินยังไม่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่สิ่งที่สำคัญคือเรื่องของจริยธรรมมากกว่า เช่นเราจะเห็นได้จากหลายคนที่หาเงินมาได้เยอะแยะแต่ไม่สามารถใช้ได้ก็มี โดนคนอื่นหลอก คนอื่นโกงก็มี เ แต่ถ้าเราอยู่อย่างพอดีและพอเพียงก็จะให้ชีวิตเรามีความสุข

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีรายได้เข้ามา “ติ๊ก” จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นทุนการศึกษาของลูก อีกส่วนเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและใช้กับงานด้านศิลปะที่เป็นงานที่รักมาก นอกจากนี้เงินจากการทำธุรกิจก็จะนำมาพัฒนาร้านปรับเปลี่ยนปรับปรุงธุรกิจเพื่อเป็นการต่อยอดอีกทีหนึ่ง

“ติ๊ก” บอกเพิ่มเติมว่า การออมเงินมาก ๆ ก็ถือว่าไม่ดี อาจจะให้โทษกับเราก็ได้ เพราะจะเห็นได้ว่าบางคนเอาแต่อดออมเงินไม่ยอมกินอะไรเลย ผลสุดท้ายตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ หรืออาจจะโดนเขาหลอกเขาโกงได้ แทนที่จะสบายก็ลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราควรอดออมแต่พอประมาณ ออมอย่างมีสติ และมีเหตุผล


“ผมจะสอนลูกผมเหมือนกับที่คุณแม่เคยสอนผมเสมอว่า ถ้าอยากได้อะไรเราต้องได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง แล้วเราจะภูมิใจ ดูแลมันเป็นอย่างดี เราก็จะมอบสิ่งที่คุณแม่สอนนี้ให้กับคนในครอบครัวของเราด้วย เพราะตัวผมเองทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยการับจ้างขายน้ำอัดลมในสนามฟุตบอล ต่อมาก็ได้เข้าไปทำงานในโรงงานไอศรีม วาดการ์ตูนขาย ทำหัตถกรรมต่าง ๆ สาเหตุที่ต้องทำหลายอย่างเพราะต้องการเก็บเงินซื้อเครื่องเสียงให้กับตัวเอง”

เมื่อว่างจากการทำงาน “ติ๊ก” บอกว่า “ถ้าผมว่างเมื่อไหร่ ผมมักจะชอบกอดลูก เพื่อให้ความรักกับเขาให้มาก ๆ เพราะเราทำงานตรงนี้เวลาที่จะให้กับครอบครัวมีน้อยมาก แต่ครอบครัวของผมอบอุ่นมากมีภรรยาที่ดี มีลูกที่น่ารัก นอกจากนี้แล้วถ้าว่างจากการทำงานหลาย ๆ วัน ผมก็จะท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ กับครอบครัว”

สุดท้าย “ติ๊ก ชิโร่” ฝากบอกว่า เมื่อมีรายได้เข้ามา 10 บาท เราควรแบ่งเก็บไว้ 2 บาท หรืออาจจะมี 10 บาท อาจจะเก็บไว้ 1 บาท ก็ได้ เพราะแต่ละคนรายได้ที่เข้ามาและรายจ่ายไม่เท่ากัน แต่อยากให้จำไว้เสมอว่าเมื่อมีรายได้เข้ามาให้แบ่งเก็บทันที เหมือนเราเป็นการเล่นแชร์กับตัวเองพอวันหนึ่งเรากลับมาดูเงินในบัญชีก็จะเห็นว่าเรามีเงินที่เก็บไว้มากแค่ไหน และเงินตรงนี้ก็ยังสามารถทำให้เราทำสิ่งที่เราอยากทำได้ด้วย เช่นถ้าใครอยากมีธุรกิจเล็ก ๆ ก็อาจจะทำได้ หรืออาจจะเก็บไว้ในยามฉุกเฉินก็ได้

ชื่อ - นามสกุล มนัสวิน นันทเสน (ติ๊ก ชีโร่)
วันเดือนปีเกิด 25 กันยายน 2504
การศึกษา กำลังศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาตร์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารจัดการสาธารณะ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน สาขาศิลปกรรม
งานปัจจุบัน เจ้าของธุรกิจโดนัด “โด ดี โด”



ที่มา
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2553 11:39 น.