วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ตลท.ส่องตลาดหุ้นไทยยังไม่ฟองสบู่ แม้่รายย่อยแห่เก็งกำไรหุ้นเล็กเพียบ

ตลท.ส่องตลาดหุ้นไทยยังไม่ฟองสบู่ แม้่รายย่อยแห่เก็งกำไรหุ้นเล็กเพียบ

ตลท.มองตลาดหุ้นไทย ยังไม่อยู่ในภาวะฟองสบู่ แม้ขณะนี้นักลงทุนรายย่อยเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กกันมาก ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปริมาณซื้อขายจะเป็นตัวชี้วัดที่แสดงถึงฟองสบู่ในตลาดหุ้น ซึ่งปัจจุบันปัจจัยเสี่ยงยังไม่อยู่ในระดับสูงที่น่ากลัว

วันนี้ (8 ก.ย.) นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุถึงภาวะซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ว่า ยังไม่อยู่ในภาวะฟองสบู่ แม้ว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อย ที่เข้ามาในตลาด มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กกันมาก

“ปริมาณการซื้อขาย ถือเป็นเครื่องชี้วัดตัวหนึ่ง ที่จะแสดงถึงฟองสบู่ตลาดหุ้น ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะปัจจุบันพี/อี เรโช ของเรา ยังไม่อยู่ในระดับสูงจนน่ากลัว” นายยรรยง กล่าว

นายยรรยง กล่าวอีกว่า ราคาหุ้นไทย ยังต่ำเมื่อเทียบกับในช่วงย้อนหลัง รวมถึงต่ำกว่าภูมิภาค และยัง support กับ earning ตามความเป็นจริงอยู่ จึงยังไม่น่ากังวล โดยขณะนี้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นมาก และต่อเนื่อง โดยล่าสุด เมื่อเดือน ส.ค.อยู่ที่ 68.2% เทียบจาก 66.7% ใน ก.ค., 63.7% ใน มิ.ย., 56% ใน พ.ค.และ 53.6% ใน เม.ย. ตามลำดับ

ขณะที่ พบว่า มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์หุ้นขนาดเล็กที่ไม่อยู่ในกลุ่ม SET50 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยในเดือน ส.ค.อยู่ที่ 43.73%, เทียบจาก 35.69% ใน ก.ค., 36% ใน มิ.ย.และ 22% ใน พ.ค.ตามลำดับ

นายยรรยง กล่าวอีกว่า นักลงทุนรายย่อยเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กกันมาก โดยเฉพาะการเก็งกำไรตามข่าวที่มีเข้ามา ซึ่ง ตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุน ให้ศึกษาข้อมูล และทำความรู้จัก กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้น

นายยรรยง กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มองว่า หน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบ ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงค่าเงินในขณะนี้ เนื่องจากกระแสเงินไหลเข้าเป็นไปตามภาวะของตลาดโดยรวมทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลจึงน่าจะใช้วิธีการบริหารจัดการค่าเงินบาทให้เหมาะสม ด้วยการใช้ประโยชน์จากกระแสเงินที่ไหลเข้า โดยเฉพาะนำมาใช้ในด้านการลงทุน เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ และรถไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์กว่า และควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ หากไทยไม่ลงทุนเพิ่มเติมในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าก็อาจจะทำให้ความน่าสนใจของไทยลดลง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งอาจทำให้เงินทุนหนีออกไปในที่ที่น่าสนใจกว่า

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์ 8 กันยายน 2553 15:14 น.