วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ตลท.แนะฉวยจังหวะหุ้นบวก-ต้นทุนต่ำ

ตลท.แนะฉวยจังหวะหุ้นบวก-ต้นทุนต่ำ บจ.เร่งเพิ่มทุนขยายธุรกิจ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะบจ.ฉวยช่วงจังหวะบวกเพิ่มทุนขยายธุรกิจ เหตุเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้น-ต้นทุนต่ำ หลังดัชนีพุ่งดันมาร์เกตแคปทะลุ 7.4 ล้านล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ “ยรรยง” ยันชัด ยังไม่เกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทย เหตุพีอีหุ้นไทยยังต่ำ

นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นช่วงที่ดีที่บริษัทจะระดมทุนเพิ่ม เพื่อนำไปขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ จากที่ต้นทุนการะดมทุนไม่สูง ประกอบกับช่วงที่เงินบาทแข็งค่าจะได้ประโยชน์ในการซื้อสินค้าทุน เครื่องจักร ผลิตสินค้าที่มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น รวมถึงใช้ประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี เช่น รีไฟแนนซ์ เพื่อใช้การลงทุนโครงการต่างทั้งภาครัฐและเอกชน

สำหรับแนวโน้มการระดมทุนในเดือนกันยายนนี้ น่าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นดี ทำให้บริษัทมีการเพิ่มทุนที่สูงขึ้น หากวัฎจักรการลงทุนขาขึ้น ส่วน การระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต้องใช้ระยะเวลาในการเสนอขายหุ้นจาก ที่จะต้องมีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)

“ขณะนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังไม่น่ากังวล เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแรงสามารถรับมือกับค่าเงินบาทได้ ไม่เหมือนกับปี 2549 ที่เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง มีการประท้วง ปฏิวัติ ทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทมีแข็งค่า แต่อายมีบางกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบก็จะต้องมีการความเหลือเป็นจุดๆ ไป”

นายยรรยง กล่าวว่า จากการที่ดัชนีและมูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลา ด (มาร์เกตแคป) ทะลุ 7.4 ล้านล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังไม่ถึงระดับอันตรายที่ตลาดหุ้นจะเกิดภาวะฟองสบู่ เพราะค่าP/E หุ้นไทยยังไม่สูงจนน่าเป็นห่วง ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 13.17 เท่า ถือเป็นระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10ปีที่ผ่าน อยู่ที่ระดับ 15.68 เท่า ขณะที่ในช่วงวิกฤต P/E จะอยู่ที่ 20 เท่า รวมทั้งภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นไม่ได้ดูจากมูลค่าการซื้อขายเพียงอย่างเดียว

สำหรับภาวะการลงทุนในเดือนส.ค. 53 นั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปิดที่ระดับ 913.19 จุด เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนก่อน 6.70% และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 24.32% ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกอยู่ในระดับสูง ประกอบกับเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดที่สะท้อนการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้มีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้น ณ สิ้น ส.ค. 53 ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี 8 เดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2539 ส่งผลให้มาร์เกตแคปของ SET และ mai อยู่ที่ 7,429,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนก่อน 6.70%

ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในเดือนสิงหาคม 2553 อยู่ที่ 36,747.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.84% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 74.57% จากเดือนสิงหาคม 2552 โดยเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2547 นักลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 (ตั้งแต่มิ.ย. - ส.ค.) ส่งผลให้มูลค่าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในช่วง 8 เดือนแรกรวม 5,375.45 ล้านบาท และรวมจนถึงปัจจุบัน (8 ก.ย.) สูงถึง 13,130.54 ล้านบาท

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 8 กันยายน 2553 22:41 น.