วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กูรูแนะหุ้นตลาดเกิดใหม่น่าลงทุน

กูรูแนะหุ้นตลาดเกิดใหม่น่าลงทุน

โบรกเกอร์กองทุนรวมแนะนักลงทุเลือกหุ้นตลาดเกิดใหม่แทนหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หลังเศรษฐกิจของกลุ่ม Emerging Marke มีอัตราการเติบโตมากกว่าแม้จะไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล ประเมินดัชนี A-Share มาแรงแนะนำกองทุน China Equity Index น่าลงทุน

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัวลงทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐ และจีนทำให้ตลาดหุ้น และราคาน้ำมันต่างปรับตัวลงแรง เรายังคงเชื่อว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งเรายังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และกองทุนน้ำมัน

อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองเชิงบวกกับกลุ่ม Emerging Market โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนเซี่ยงไฮ้ A-Share ที่แม้ว่าจะเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากมาตรการต่างๆ ที่ออกมาเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจก่อนหน้านี้แต่เรายังคาดว่าจะยังคงเห็นการเติบโตของจีน และชะลอกการออกมาตรการใหม่ๆ รวมถึงดัชนี A-Share ได้ปรับลดลงมาอย่างมากตั้งแต่ต้นปีมองว่าระดับราคานี้ได้รับข่าวการมาตรการและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากมาตรการที่ออกมาแล้ว เราจึงยังคงแนะนำเก็งกำไรโดยเรามองแนวต้านแรกที่ 2,800 หากผ่านได้ คาดว่าจะเห็นขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 3,000 จุดต่อไป

สำหรับกองทุนแนะนำเป็นกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ของบลจ. ทหารไทย ซึ่งลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี FTSE/Xinhua China A50 Indexที่ประกอบไปด้วยหุ้น A-Share ที่มีสภาพคล่องสูง 50 ตัว โดยลงทุนผ่านตราสารอนุพันธ์ที่ชื่อว่า China A-share Access Products (CAAPs) ซึ่งกองทุนหลักไม่ได้ลงทุนในหุ้น A-Share โดยตรง และออกโดยสถาบันการเงิน (CAAP Issuers) ที่เชื่อถือได้ เช่น UBS, Citigroup, Credit Suisseและ HSBC เป็นต้น

นอกจากนี้สินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำ และเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอีกครั้งดังจะเห็นได้จากกองทุน SPDR ที่เริ่มเห็นการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาทองคำกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ทำให้สัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง โดยเราคาดว่าจะเห็นราคาทองคำกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ราคาสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้แถวๆ 1,260ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เพราะฉะนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำสะสมทองคำต่อไป และกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น K-GOLD ของ บลจ. กสิกรไทย ที่มีค่าใช้จ่ายถูกที่สุดและมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินซึ่งค่าเงินบาทกำลังแข็งค่าขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐทำให้ไม่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงแรงหลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่กว่าที่คาดไว้ และมาตรการการเพิ่มสภาพคล่องโดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลยังไม่ได้ทำให้ตลาดมีความมั่นใจต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐขณะที่ตลาดแรงงานเองยังคงเป็นปัญหาสำคัญโดยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ราย เป็น 484,000 ราย หลังจากสัปดาห์ที่แล้วรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 22,000 ราย ทำให้แนวโน้มอัตราการว่างงานยังคงคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่ 9.5% แต่หากรวมกับแรงงานที่เลิกหางานทำไปแล้วคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้ อีก ความกังวลที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ DJIA ปรับตัวลดลง พร้อมทั้งคาดการณ์ในเชิงลบต่อผลประกอบการในอนาคตของบางบริษัทในสหรัฐ และแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อไป และเช่นเดียวกันความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจโลกกดดันตลาดหุ้นยุโรป


ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์