วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หุ้น คืออะไร?

หุ้น คืออะไร?
หลังจากได้ทราบว่า ตลาดหุ้นคืออะไร มีวัตถุประสงค์และหน้าที่อย่างไรแล้วนั้น ต่อไปเราจะมาดูว่า ตลาดแห่งนี้มีสินค้าอะไรบ้าง ซึ่งสินค้าของตลาดหุ้นก็คือ หุ้นนั่นเอง ซึ่งสินค้าก็จะมีหลากหลายแบ่งแยกตามประเภทของสินค้า และตามความสนใจของนักลงทุน จริงๆแล้ว สินค้าเหล่านี้คงจะเคยผ่านสายตาใครหลายๆคนมาแล้ว ตามสื่อโทรทัศน์ซึ่งจะมีตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษต่างๆ วิ่งผ่านทางหน้าจอ
โดยอักษรเหล่านั้นจะเป็นตัวย่อของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น MCOT ย่อมาจาก บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

ซึ่งสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ เราเรียกโดยรวมว่า "ตราสาร" หมายถึง เอกสารทางการเงินที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ออกมาเพื่อระดมเงินทุนจากผู้ลงทุน และเปิดให้มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีอยู่หลายประเภท ดังนี้

1) หุ้นสามัญ (Common Stock)
คือหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดซื้อขายกันอยู่ และมีจำนวนมากกว่า 80% ของหุ้นในตลาดทั้งหมด โดยหุ้นสามัญนี้เป็นตราสารประเภท หุ้นทุน ซึ่งออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด ที่ต้องการระดมเงินทุนจากประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจนั้นๆ โดยตรง เช่น การมีสิทธิในการลงคะแนนเสียง ร่วมตัดสินในปัญหาสำคัญในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยผลตอบแทนที่คุณจะได้โดยตรงก็คือ เงินปันผลจากกำไรในธุรกิจ กำไรจากการขายหุ้นถ้าหุ้นปรับตัวขึ้น และสิทธิในการจองซื้อหุ้นใหม่ ในกรณีที่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียน

2) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
เป็นตราสารประเภทหุ้นทุน มีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญ คือผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ หุ้นประเภทนี้มีไม่มากนักในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายกันน้อย มีสภาพคล่องต่ำ บนกระดานหุ้นจะสังเกตุได้จาก -P เช่น SCB-P,TISCO -P เป็นต้น

3) หุ้นกู้ (Debenture)
เป็นตราสารที่บริษัทเอกชนออกเพื่อกู้เงินระยะยาวจากผู้ลงทุน โดยผู้ลงทุนจะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของกิจการบริษัท และบริษัทจะต้องจ่ายผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือตามระยะเวลาและอัตราที่กำหนด โดยผู้ถือจะได้รับเงินต้นคืนครบถ้วน เมื่อสิ้นอายุตามระบุในเอกสาร ตลาดหุ้นกู้มักมีสภาพคล่องในการซื้อขายไม่มากนัก ส่วนใหญ่ซื้อขายโดย ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน หรือผู้ลงทุนระยะยาว

4) หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture)
หุ้นกู้แปลงสภาพ คล้ายคลึงกับ หุ้นกู้ แต่แตกต่างกันตรงที่ หุ้นกู้แปลงสภาพมีสิทธิที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ในช่วงเวลาอัตราและราคาที่กำหนดในหนังสือชี้ชวนในช่วงที่เศรษฐกิจดี หุ้นประเภทนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ซื้อคาดหวังผลตอบแทน ได้จากราคาหุ้นเมื่อแปลงสภาพแล้ว ซึ่งจะทำให้ได้กำไรมากกว่า ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยของหุ้นกู้ธรรมดา

5) ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant)
เป็นตราสารที่ระบุว่าผู้ถือครองจะได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หรือตราสารอนุพันธ์ ในราคาที่กำหนดเมื่อถึงระยะเวลาที่ระบุไว้ ใบสำคัญแสดงสิทธิมักจะออกควบคู่กับการเพิ่มทุน

6) ใบสำคัญแสดงสิทธิระยะสั้น (Short - Term Warrant)
ใบสำคัญแสดงสิทธิชนิดนี้จะมีอายุไม่เกิน 2 เดือนและเป็นทางเลือกหนึ่งจากการระดมทุนจากผู้ถือหุ้นแทนการจัดสรรสิทธิในการจองซื้อหุ้นและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์สามารถยืนคำขอให้รับเป็นหลักทรัพย์ประเภทที่ซื้อขายหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ได้

7) ใบสำคัญแสดงสิทธอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW)
เป็นตราสารที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับใบสำคัญแสดงสิทธิทั่วไป โดยจะให้สิทธิแก่ผู้ถือ DW ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง ซึ่งอาจเป็นหลักทรัพย์หรือดัชนีหลักทรัพย์ ในราคาใช้สิทธิ อัตราการใช้สิทธิและระยะเวลาใช้สิทธิที่กำหนดไว้ โดยบริษัทผู้ออก DW
เป็นหลักทรัพย์ หรือ เงินสดก็ได้

8) หน่วยลงทุน (Unit Trust)
คือ ตราสารที่ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)ในรูปของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการระดมเงินทุนจากประชาชน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจะเป็นผู้บริหารกองทุนให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดแล้วนำมาเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของเงินปันผลข้อดีของการลงทุนประเภทนี้คือจะมีผู้บริหารมืออาชีพดูแลเงินแทนเรา มีการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ และมีอำนาจต่อรองที่มากกว่า เพราะเป็นกองทุนขนาดใหญ่

จะเห็นได้ว่า หุ้น มีอยู่หลากหลายประเภทแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนควรที่จะทำความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มลงทุน โดยในทางทฤษฎีแล้ว นักลงทุนทุกคนมักต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงที่สุดโดยมีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด แต่ในความเป็นจริงผลตอบแทนในการลงทุนนั้น แปรผันตรงกับความเสี่ยง หมายความว่า ยิ่งผลตอบแทนสูง ยิ่งต้องมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย นอกจากนี้การเลือกลงทุนยังขึ้นอยู่กับ อุปนิสัยของนักลงทุนแต่ละคนและเวลาที่นักลงทุนแต่ละคนจะมีด้วย ซึ่งอาจแบ่งเป็นกลุ่มง่ายๆ
ได้ดังนี้


ลักษณะของนักลงทุน หลักทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุน
- มีความเข้าใจระบบตลาดหลักทรัพย์เพียงพอ - หุ้นสามัญ
- มีเวลาศึกษาติดตามข้อมูลสถานการณ์ - หุ้นบุริมสิทธิ
- มีที่ปรึกษาการลงทุนที่เชี่ยวชาญ - หุ้นกู้แปลงสภาพ
- ต้องการผลตอบแทนรวดเร็วและพร้อมรับความเสี่ยง - ใบสำคัญแสดงสิทธิประเภทต่างๆ
- คาดหวังผลตอบแทนระยะยาว - หุ้นกู้
- เน้นการออมและการลงทุนระยะยาว - ตราสารในภาครัฐบาลและภาครัฐวิสาหกิจ
- ต้องการความเสี่ยงต่ำ หุ้นสามัญ ในกลุ่ม Blue - Chip บางตัว
- คาดหวังผลตอบแทนในระยะปานกลางถึงระยะยาว - หน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ
- ไม่เชี่ยวชาญในการซื้อขายหลักทรัพย์ - หน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ
- ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ - หน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ
- ไม่มีความคล่องตัวในการลงทุน - หน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย