วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฟันธงปี55ทองพุ่งแตะออนซ์ละ2พัน$ เฮดจ์ฟันด์-กองทุน ยังเก็บเข้าพอร์ต

กูรูทองคำ เชื่อปีหน้าราคาทองยังปรับตัวขึ้นสูง คาดไตรมาส1/55 อยู่ระหว่าง 2.5 - 2.6 หมื่นบาทต่อทองคำ 1 บาท ส่วนทั้งปีลุ้นทำสถิติที่ 2,000 เหรียญ/ออนซ์ เหตุเฮดจ์ฟันด์ และบรรดากองทุนยังเข้าสะสม แม้เม็ดเงินบางส่วนไหลไปถือดอลลาร์ อีกทั้งหลายประเทศยังต้องฟื้นฟูตัวเองจากภัยธรรมชาติ ทำให้มีการระดมเงินจำนวนมาก พร้อมคาดเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯจะมีนโยบายใหม่ๆออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับวิกฤตหนี้ยุโรปจะเริ่มเห็นความชัดเจนช่วงกลางปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ

นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึง ภาวะราคาทองคำในปี2555 ว่าในไตรมาสที่1/55ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย โดยมองว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,750-1,800 เหรียญ/ออนซ์หรือ25,000-26,000 บาท ซึ่งปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้นได้คือการทยอยซื้อทองคำเก็บสะสมของกองทุนต่างๆเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อทำให้ทองคำยังที่น่าสนใจมากกว่าหุ้นหรือน้ำมันถึงแม้ว่าในช่วงระยะสั้นที่ผ่านมาจะมีการทิ้งการลงทุนในทองคำหันไปถือเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น แต่ถ้าพิจารณาดูจากข้อมูลแล้วจะเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์ยังไม่มีเสถียรภาพมากพอเนื่องจากค่าเงินได้ปรับตัวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา และตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯยังไม่ดีขึ้นโดยยังอยู่ในระดับ8.7%ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

ขณะที่ตัวเลขการบริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้นจะไม่สามารถที่จะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้อย่างชัดเจนนัก นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศในภูมิภาคเอเชียเช่น ญี่ปุ่นและไทยซึ่งต้องเผชิญในช่วงที่ผ่านมาทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆเหล่านั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก จนมีผลทำให้ต้องระดมเงินจำนวนมหาศาลเพื่อมาฟื้นความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งภาคการผลิตภาคการเกษตร และภาคบริการทำให้ราคาทองคำได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นราคาทองคำในประเทศมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปที่ถึงบาทละ24,000-28,000บาท

สำหรับปริมาณการซื้อขายทองคำในรอบปีที่ผ่านมาลดน้อยลงไปกว่า 30 %โดยมีสาเหตุมาจากประชาชนทั่วไปต้องนำทองคำที่สะสมไว้ออกมาขายเพื่อนำเงินไปซ่อมแซมบ้านเรือนของตนเองที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนทำให้ปริมาณการซื้อขายได้ลดลงตามไปด้วย

ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส ได้กล่าวถึงภาวะทองคำในปี 2555ว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นไปที่ระดับราคา 1,450-2,000 เหรียญ/ออนซ์ โดยมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในขณะนี้เป็นไปตามวัฎจักรในรอบ12ปี/ครั้ง โดยราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงซึ่งในปีหน้ายังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่จะปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก โดยปัจจัยบวกที่สนับสนุนมาจาก ในช่วงกลางปี2555 สหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ทำให้เชื่อว่าจะมีมาตรการในการหาเสียงโดยเฉพาะนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งโครงการประชานิยมที่จะออกมาเพื่อเอาใจชาวอเมริกันให้สนับสนุนตนเองเป็นสมัยที่สอง
ขณะที่ปัจจัยลบยังหนีไม่พ้นเรื่องวิกฤตในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ยังขาดความชัดเจนในนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ แต่เชื่อว่าช่วงกลางปี2555 จะมีความชัดเจนในมาตรการแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยจะส่งผลต่อราคาทองให้ปรับตัวดีขึ้น

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจีบูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่าสถานการณ์ทิศทางราคาทองคำขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่อิงกับเงินสกุลยูโรสังเกตุได้จากความสัมพันธ์ของราคาทองคำกับค่าเงินสกุลยูโรซึ่งในระดับ 10วัน อยู่ที่ 90% ขึ้นไปทำให้กระแสข่าวทางฝั่งยุโรปค่อนข้างที่จะมีความสำคัญต่อราคาทองคำอย่างมากในช่วงนี้ แต่ทั้งนี้ยากต่อการคาดการณ์ทำให้ในระยะสั้นราคาทองคำยังคงมีความผันผวนตามกระแสข่าวยุโรปเป็นหลักซึ่งคาดการณ์กรอบการเคลี่อนไหวระหว่าง 1,550-1,680 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ23,000-25,000 บาท/บาททองคำ

โดยทิศทางการลงทุนทองคำจากนี้จนถึงสิ้นปีมองว่ายังเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าทยอยซื้อสะสมสำหรับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาวเนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาจากปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังกดดันตลาดต่อเนื่องโดยในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรงและปรับตัวลงกว่า145 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,559 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ทองคำแท่งในประเทศทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 23,650บาทต่อบาททองคำเช่นเดียวกัน ประกอบกับสถิติในช่วงปี 2552-2553ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำในช่วงปลายปีจนถึงต้นปีมักจะมีการปรับตัวลงในช่วงปลายปีเป็นลักษณะของการปรับฐานของราคาทองคำแต่หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ทิศทางของราคาทองคำจะมีการกลับตัวเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้น

นางพวรรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในบริเวณ1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากวัดจากต้นปีจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 35.20%แม้ว่าจะเกิดแรงขายบางช่วงเวลาที่ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาบ้างแต่เชื่อว่าราคาทองคำในสิ้นปีนี้จะสามารถยืนเหนือ 1,650 ดอลลาร์/ออนซ์หรือประมาณ 24,210 บาท/บาททองคำได้ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่16.45% มากกว่าการลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตร

สำหรับในปีหน้าวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำจะยังมีความน่าสนใจไม่แพ้กับในปีนี้เนื่องจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปและสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำซึ่งวายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำจะมีความผันผวนจนสามารถจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดทองคำมากขึ้นโดยทิศทางราคาทองคำในปี 2555ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว

โดยในช่วง 3เดือนแรกคาดการณ์ว่าราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานราคาประเมินกรอบราคา 1,460 - 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,400 - 27,200บาทต่อบาททองคำ และคาดว่าราคาจะค่อยๆขยับตัวขึ้นในลักษณะ sideway upจนถึงปลายปี ซึ่งประเมินกรอบราคาถึงปลายปี 2555 ที่บริเวณ 1,600 - 2,000ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 23,500 - 29,370 บาทต่อบาททองคำ