วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

คาดราคาทองปีนี้แตะ 22,000 บาท “จิตติ” ชี้ กำลังซื้อฟื้น-เงินสะพัดเลือกตั้ง

คาดราคาทองปีนี้แตะ 22,000 บาท “จิตติ” ชี้ กำลังซื้อฟื้น-เงินสะพัดเลือกตั้ง

ผู้บริหาร YLG มองราคาทองคำปีนี้ แนวโน้มทะยานขึ้นแตะ 22,000 บาท โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมเตือนให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา “จิตติ” เชื่อ ธุรกิจร้านค้าทองปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นแน่ หลังสัญญาณการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีเงินสะพัดมาก ทั้งยังมีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน เงินเดือน ขรก.-อบต.ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น บางส่วนจะมีการซื้อทองคำเก็บ และซื้อเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ทั้งปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์


น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในปีนี้ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก คาดจะทำสถิติใหม่ระหว่าง 1,500-1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ ส่วนราคาขายในประเทศจะเคลื่อนไหวระหว่าง 17,500-22,000 บาท/บาททองคำ เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ขณะที่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง ราคาทองคำอาจจะปรับลดลงได้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปได้รับการแก้ไขจนฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนบางส่วนจะหันไปถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐแทนทองคำ

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวต้องระวังความผันผวนของราคาทองคำในปีนี้ และต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำทั้งสิ้น โดยราคาแกว่งตัวได้ถึง 30-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 300-500 บาท สำหรับนักลงทุนระยะสั้นสามารถทยอยสะสมทองคำที่ระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 18,000 บาท/บาทได้

ส่วนการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในตลาดอนุพันธ์นั้นมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นมาก คาดว่า จะเติบโตขึ้น 5 เท่าในปีนี้จากปีที่ผ่านมาเติบโต 3 เท่า หลังจากที่มีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 ทำให้จำนวนนักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับจะมีขยายเวลาการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สช่วงกลางคืนถึงเวลา 22.30 น.เพื่อให้คาบเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำในตลาดนิวยอร์ก คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30

ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ แต่คาดว่าไม่น่าจะเกินระดับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ เพราะเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งสหรัฐและยุโรปได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ดังนั้นราคาทองคำปีนี้จึงมีความผันผวนในทิศทางขาขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก แต่จะไม่ปรับขึ้นแรงเหมือนกับ 2 ปีที่ผ่านมา

“ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากแล้วตั้งแต่ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ มาถึง 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ปรับขึ้นถึงเท่าตัว ดังนั้นโอกาสที่จะปรับขึ้นแรงเหมือนกับที่ผ่านมาค่อนข้างยาก ยกเว้นจะมีสถานการณ์โลกที่สร้างความตื่นตระหนก”

ส่วนราคาขายทองคำในประเทศก็สอดคล้องกับตลาดโลก คาดว่า ทองคำแท่งจะปรับขึ้นสร้างสถิติใหม่เกิน 20,150 บาท ต่อบาททองคำ โดยความผันผวนของราคาขึ้น-ลง ใกล้เคียงปี 2551 ที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาประมาณ 400-500 บาท ต่อวัน ซึ่งยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้

ขณะที่ธุรกิจร้านค้าทอง คาดว่าในปีนี้จะดีขึ้น เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งปกติจะมีเงินสะพัดมาก ประกอบกับจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนข้าราชการ และ อบต. ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น คาดว่าบางส่วนจะมีการซื้อทองคำเก็บ และซื้อเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ เป็นต้น


ที่มา
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9530000184990