ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 2556
ปี 2555
เป็นอีกปีหนึ่งที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นสวนทางกับภาวะทางเศรษฐกิจโลกที่ประสบกับภาวะของการชะลอตัว
หากเรามองย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของปี 2555 เราคงไม่คาดคิดว่า
ตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นที่สุดในโลกและสามารถทำจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี
2540 คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในช่วงปีที่ผ่านมา?
และแนวโน้มในปี 2556 จะเป็นอย่างไร?
ผมคิดว่า
มีปัจจัยสำคัญอยู่ห้าปัจจัยด้วยกันที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น
ปัจจัยแรกคือ การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางทั่วโลก
ซึ่งมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ปัจจัยที่สองคือ
พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่แข็งแกร่ง
เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น เป็นตัวสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนให้ไหลเข้าสู่ภูมิภาค
ปัจจัยที่สาม คือการใช้นโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เช่น
นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล
การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นต้น
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่สี่คือ
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554
และปัจจัยสุดท้าย คือสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ค่อนข้างนิ่ง
ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งมีส่วนเอื้อต่อภาวะการลงทุน ทำให้ส่วนลด (Discount)
ของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเริ่มมีช่องว่างที่แคบลงจากความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลง
และสามารถสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในหุ้นปี
2556 ผมลองสำรวจตรวจสอบดูความเห็นของบรรดาโบรกเกอร์ พบว่า
เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปี 2556
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ช่วงประมาณ 1480-1500 จุด ซึ่งหากเทียบกับระดับ SET Index
ในระดับปัจจุบัน ถือว่ามีโอกาสในการปรับตัวขึ้น(Upside) ที่ไม่มากนัก ดังนั้น
การเลือกหุ้นเพื่อลงทุน (Stock Selection) ในช่วงถัดจากนี้ไป
จะเป็นงานที่ยากและท้าทายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการเลือกหุ้นภายหลังจากที่หุ้นมีการปรับตัวขึ้นมามากพอสมควร
การที่จะหาหุ้นที่ถูกมองข้ามและราคายังไม่ค่อยมีการปรับตัวขึ้น หาได้น้อยเต็มทีครับ
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า
เราควรกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุนโดยมีการกำหนดกรอบการคัดสรรหุ้นให้สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางการลงทุน
(Theme) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า เช่น
การเข้าสู่ช่วงจากวัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ (Investment cycle) ของเศรษฐกิจไทย
การเดินหน้าผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ
ในขณะเดียวกันต้องเลือกหุ้นให้สอดรับกับแนวโน้มใหญ่ (Trend) ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น
การขยายตัวของตลาดจากการเปิดเขตการค้าเสรี การเคลื่อนย้ายทุน ทรัพยากร
และแรงงานที่เปิดกว้างขึ้น
บทบาทของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกับเศรษฐกิจโลกที่ทวีความสำคัญ
และกำลังเป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก การเข้าสู่สังคมเมืองของประชากรโลก
(Urbanization) นโยบายรัฐบาลในหลายประเทศ
ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของการบริโภคภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก
โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมของคนสูงวัย และอิทธิพลของเทคโนโลยีการสื่อสาร
โซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น ดังนั้น หากเราลองจับเอา Theme และ Trend ดังกล่าว
เพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์ในการเลือกหุ้นสำหรับลงทุนปี 2556
ผมคิดว่าหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) กลุ่มธนาคารพาณิชย์
ธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (ธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก
และสายาการบินราคาประหยัด ) กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร
และกลุ่มธุรกิจประกัน ครับ
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานที่ว่า
สหรัฐมีข้อสรุปที่คลี่คลายจากปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal cliff)
ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี เศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2555 ไปแล้ว
และน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556
ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปตลอดทั้งปีครับ
ท้ายที่สุดนี้ ผมขออนุญาตใช้โอกาสนี้ในการกล่าว “สวัสดีปีใหม่
ครับ”
ที่มา
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000001165